วัดเจดีย์

ความเป็นมาอะไรไม่รู้ น่ากลัวอยู่เหมือนกันค่ะเพื่อนๆ แต่ก็ต้องทำงานตามเป้าหมายให้เสร็จสิ้นกันไปจากนี้คงบอกได้เพียงว่าทุกอย่างต้องค่อยๆตัดสินใจในสิ่งที่ต้องการอยากจะรู้ค่ะ ทุกเรื่องไม่มีผิดหรือถูกอยากจะให้เพื่อนๆลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ หลายทางหรือเพื่อนๆใครที่เคยทราบความเป็นมากันอยู่ทุนเดิมปกติ อาจจะทำให้ไม่แน่ใจกันเท่าไหร่น่ะ วันนี้อยากจะให้เพื่อนๆเข้ามาสักการะ เข้าใจความเป็นมาจากผู้ทราบเรื่องราวหรืออ่านประวัติกันมาบ้างแล้ว และได้นำรูปภาพเข้ามาอ้างอิงให้แก่เพื่อนๆตามเคยค่ะ อ่าน..ประวัติ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ความเป็นมา ที่ไม่มีใครเคยรู้ ++

เรื่องเล่า ไอ้ไข่ เทพเจ้าแห่งสามัญชน

ไอ้ไข่รุ่นแรก.jpg ​

พระอธิการอภิชิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเล่าให้ฟังว่าปู่ของปู่ๆๆ หรือย่าของย่าๆๆ บอกว่าตรงนี้เป็นที่วัดมีเด็กเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่ละความพยายาม สืบค้นเค้าคำเล่าความจากคนโน้นคนนี้มาปะติดปะต่อพอเป็นเรื่องราวว่า

"ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ท่านเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกิดในสมัยไหนไม่มีข้อมูล เล่ากันว่า ในครั้งกระโน้นพระขรัวทอง เป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์ มีเด็กวัดซึ่งเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ 2 คน คนหนึ่งชื่อเหมียน อีกคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ คนที่ไม่ทราบชื่อนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า”ไอ้ไข่”“ไอ้ไข่”เป็นเด็กซุกซน แต่ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่เกรงกลัวใคร มีความรู้ทางเวทย์มนต์ คาถาอาคม มีลักษณะพิเศษเหนือกว่าเด็กธรรมดาทั่วๆไป

พระอาจารย์ทองเล่าต่อว่า ในตำนานเมืองนครกล่าวถึงเหตุการณ์ตอนเจ้าพระยาคืนเมือง มีท้องตรามายังเมือง"อลอง"(คำนี้ปราชย์ท้องถิ่นยืนยันคำอ่านว่า หลอง) มีบันทึกว่า...มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทองมีศิษย์เกะกะชื่อว่าไอ้ไข่...เล่ากันว่าหากชาวบ้านหมดปัญญาสามารถในเรื่องใดต้องนึกถึงไอ้ไข่เด็กวัด หรือไปออกปากให้ช่วยเหลือ เป็นอันต้องสำเร็จ จนถือกันว่าเป็นเด็กที่มีความแปลกอานุภาพพิเศษ สร้างความแปลกใจใจให้แก่ชาวบ้าน ถึงแม้ไอ้ไข่จะเป็นเด็กซุกซนแต่ก็ไม่มีใครเกลียดชัง กลับกลายเป็นเด็กที่ไปได้ทั่ว อยู่ในความระลึกของชาวบ้านตลอดมา และยังบ่งบอกว่าไอ้ไข่เป็นเด็กที่มีความจริงทั้งวาจาและจิตใจ ถือสัจจะเป็นหลัก สิ่งใดที่รับปากแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงแม้บางครั้งเป็นเรื่องอันตรายก็ตาม บางคนเล่าว่าหากควายตัวใดไม่ยอมให้จับหรือพยศ หากไอ้ไข่รับปากจับให้แล้วเมื่อตอนเข้าไปใกล้ควายหากไอ้ไข่จับหางติดแล้ว ก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาดไม่ว่าควายจะวิ่งอย่างไร ในที่สุดควายต้องละพยศหมดฤทธิ์ลงโดยสิ้นเชิง ไอ้ไข้ กลายเป็นเด็กที่คนยุคนัั้นกล่าวขวัญกันไม่รู้จบ

ท่านสมภารรูปปัจจุบันเล่าเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อท่านขรัวทองชราภาพ ท่านขรัวเห็นว่าวัดมีภัยทางศึกพม่าบุกเมืองนครแน่นอน วัดเจดีย์ ก็เป็นด่านหนึ่งที่พม่าบุก(ในสงคราม 9 ทัพ) เป็นเหตุให้ชาวบ้าน ชาววัด ต่างหนีศึกพม่าไปคนละทิศละทาง (ความตรงนี้มีหลักฐานชื่อบ้านในละแวกใกล้เคียงรองรับ เช่นทุ่งสู้เมือง นาค่าย ทุ่งเจ้าไชย เป็นต้น) ท่านสมภารทองเห็นดังนั้น จึงบอกให้ไอ้ไข่ช่วยรักษาวัดอย่าได้ทิ้งไปไหน(ความตรงนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เรียกคนที่รักษาวัดว่า เลขวัด มีการสักเลขเป็นเครื่องหมายไม่ต้องให้ทางการเกณฑ์ไพร่พลไปรบ) ท่านสมภารทองเองก็อยู่ปกป้องคุ้มครองรักษาวัดด้วยเช่นกัน

พระอธิการอภิชิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเล่าต่อว่า ไม่สามารถทราบได้ว่าท่านสมภารขรัวทองมรณภาพเมื่อใด และไอ้ไข่มีชีวิตถึงสมัยไหน บ้างเล่าต่อๆกันมาว่า หลังจากท่านขรัวทองมรณภาพแล้ว ไอ้ไข่ก็เดินลงไปในสระน้ำหน้าวัด แล้วไม่ขึ้นมาให้ใครเห็นอีกเลย แต่วันดีคืนดีแม้ในปัจจุบัน ยังมีคนเห็นเด็กวิ่งเล่นในวัดหรือปรากฎร่างเด็กให้เห็น หรือมีเสียงเด็กให้ได้ยิน หรือปรากฏแก่ผู้ที่มานอนวัดเจดีย์แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น

ราว พ.ศ.2543 ปีนั้นวัดนี้ไม่มีภิกษุจำพรรษา นายทหารจากกองทัพภาคที่ 4 นครศรีธรรมราช นำทหารมาปราบปรามผู้ก่อการร้ายแวะพักค้างคืนในเปลสนามที่ผูกติดกับต้นไม้ โดยไม่ได้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะนายทหารผู้นี้ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับวัดนี้มาก่อน ขณะทำท่าว่าจะหลับโดนเขกกบาลตกใจผงกหัวขึ้นมา เห็นเงาเด็กวิ่งหายไปในความมืด ท่านโดน 2-3 ครั้งต้องสั่งทหารเคลื่อนกำลังพลกลางดึก ปัจจุบัน (2553) ท่านผู้นี้ยังมีชีวิตและเล่าให้ใครต่อใครฟัง จากนั้นนามไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ก็ขจรขจายไปทั่วสารทิศ)

ก่อนหน้าที่นายทหารนำกำลังพลมาพักดังกล่าวแล้ว ที่วัดมีรูปแกะสลักทำด้วยไม้อยู่ในกุฏิ รูปแกะสลักมีความเป็นมาอย่างไร ท่านเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า…อยู่มาวันหนึ่ง ผู้ใหญ่เที่ยง เมืองอินทร์ ฆราวาสจอมขมังเวทผู้มีฉายาว่า"เที่ยง หักเหล็ก" (เพราะท่านมีอาคมแก่กล้าหักตะปู มีดพร้าได้) ท่านนำไม้ตะเคียนมาแกะสลักเป็นรูปคน แล้วอัญเชิญวิญญาณมาสิงสถิต และขนานนามรูปแกะสลักนั้นว่า"ไอ้ไข่วัดเจดีย์"

ดังนั้นนามเรียกขานประกอบด้วยคำสองคำ คือคำว่า"ไอ้"กับคำว่า"ไข่"รวมเป็น"ไอ้ไข่"คำนี้มีความหมายตามพจนานุกรมว่า ชื่อเพื่อนฝูงแสดงว่ามีความสนิทสนมมาก และไอ้ไข่ ท่านรับร่างไม้ที่ผู้ใหญ่เที่ยงแกะสลักให้ และรับนามนั้นด้วย

อาจารย์เที่ยง-เมืองอินทร์.jpg
แต่บางคนเข้าใจว่าคำว่า"ไอ้"เป็นคำไม่สุภาพจึงใช้คำอื่นแทน เช่นน้องไข่ ตาไข่ ลุงไข่ ทวดไข่ ลูกไข่ หรือ ไข่ ซึ่งจะเป็นว่าหมายถึงผู้อื่นที่มิใช่ท่าน"ไอ้ไข่ วัดเจดีย์”

รูปแกะสลักด้วยไม้ดังกล่าวประดิษฐานอยู่ที่กุฏิ มีคนมากราบไหว้บูชา ขอพร บนบานศาลกล่าวขอให้มีโชคได้ลาภในการเสี่ยงดวงเล่นพนันขันต่อ หรือขอให้ช่วยเรียกคนให้มาซื้อของ หรือให้ทำยอดให้ได้ตามเป้า หรือของหายขอให้ช่วยหา หรือขอให้ช่วยปกป้องภัยนานา แล้วนำสิ่งของมาแก้บนมิไดเว้นแต่ละวัน ครั้นถึงวันสงกรานต์ 13-17 เมษายน ของทุกปีมีการจัดงานบุญ คณะกรรมการวัดนำรูปมาประดิษฐานยังปะรำพิธี ให้คนสรงน้ำพระแล้วอาบน้ำ ไอ้ไข่ ขอพรด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธาใน “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ : เทพแห่งสามัญชน"

ประเพณีที่น่าสนใจของวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่)

งานประเพณีให้ทานไฟ ประมาณเดือนมกราคม
งานประเพณีสงกรานต์ ประมาณวันที่ 12-16 เมษายน

ไอ้ไข่มีความเป็นมาเนิ่นนานก่อนที่วัดเจดีย์จะกลับมาเป็นวัดอีกครั้ง หลวงพ่อสนทนาว่า เมื่อก่อนเขาเรียกว่าเด็กวัดเฉยๆ เวลาบนบานสารกล่าวเขามักออกชื่อว่า "ท่านเจ้าวัดและเด็กวัดเจดีย์" คำว่าไอ้ไข่เพิ่งมาเรียกเอาตอนพ่อเที่ยงแกะสลักรูปไม้แล้ว เหตุผลว่า อาจารย์เที่ยงหรือผู้ใหญ่เที่ยงนิมิตว่ามีเด็กไปบอกให้สร้างรูปเมื่อประมาณปี

พ.ศ.2523-24 ในนิมิตเมื่อเห็นเด็กแก้ผ้าเปลื่อยกายกับพระจีวรสีคล้ำไปยืนให้เห็นในนิมิต และเอ่ยปากว่าแกะรูปเราให้ที เราจะได้มีที่อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตาเที่ยงถามว่าใครหรือนี้ เด็กในนิมิตจึงบอกว่า"เราไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตั้งแต่นั้นมาจึงได้รู้ว่าเด็กวัดนี้ชื่อ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์

คาถาบูชาไอ้ไข่.jpg ​

เคล็ดลับการบูชาไอ้ไข่.jpg

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้